คดีน้ำพริกดัง! ร้องเรียนกรรมการตุลาการ !!! หากตัดสินผิดพลาด!!! เป็นอันตรายต่อผู้พิพากษา!!!
วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559 เรียบเรียงโดยทีมงาน www.legendnews.net
ศึกมรดกน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมยังจบยาก ต่างฝ่ายเก็บตัวเงียบ ด้านเพื่อนบ้านเก่าแก่ยืนยัน “นางประนอม” ไม่ขายกิจการทิ้งตามที่พูดๆกัน ขณะที่ “รมต.ปนัดดา” รับลูก สั่งเจ้าหน้าที่ประสานกาวใจ “แม่ประนอม-ลูกสาวคนโต” ด้านโฆษกยุติธรรม แจงเรื่องไปร้องเรียน สำนักงานปลัดฯ คาใจกระบวนการยุติธรรม หากส่งเรื่องมายินดีตรวจสอบให้ทุกกรณี ส่วนที่อ้างถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ต้องรอการไต่สวนก่อน พร้อมชี้หลักการไกล่เกลี่ย คู่ความทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจเข้าสู่กระบวนการ’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า จากข้อมูลจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ได้มีการถอดชื่อนายศิริชัย-นาง ประนอม สองผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาไทยตราแม่ประนอม รวมทั้ง น.ส.ศิริวัลย์ มาตั้งแต่ปี 2552 แต่ช่วงเวลาระหว่างปี 2552-2556 ยังมีคงมีชื่อนายศิริชัย-นางประนอม เป็นประธานกรรมการบริษัท และรองประธานกรรมการบริษัท ตามงานสังคมต่างๆ มาตลอด
บ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมถึงกรณีนางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ไปร้องทุกข์ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ในกระบวนการยุติธรรมว่า นางประนอมสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนมาที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) ศาลยินดีจะตรวจสอบให้ทุกกรณี ส่วนที่นางประนอมร้องเรียนไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้วตามขั้นตอน สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ จะส่งเรื่องมาที่ กต. โดยตามขั้นตอนแล้วจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหากตรวจสอบแล้วข้อเท็จจริงมีมูลก็จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม กต.เพื่อพิจารณาทางวินัย ส่วนการจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหรือไม่ โดยหลักแล้วการไกล่เกลี่ยคู่ความทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจเข้าสู่กระบวนการด้วย
ด้านนายสืบพงศ์ ศรีพงศ์กุล โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวถึงการนัดพิจารณาคดีของแม่ประนอม และครอบครัวว่า มีคดี 2 ส่วน คือคดีอาญา ที่มีการฟ้องกันต่อศาลจังหวัดนครปฐม นางประนอมเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา นายสุชาติ ภาษาประเทศ และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในคดีหมายเลขดำ 861/2558 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ฉ้อโกง และความผิดต่อเจ้าพนักงาน คดีนี้ ศาลได้มีคำสั่งวันที่ 16 ก.ย.58 ให้รับฟ้องในส่วนของนางศิริพร จำเลยที่ 1 และนายกำธร จำเลยที่ 3 ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แต่ภายหลังโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี เบื้องต้น ศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีการมอบอำนาจจากโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จึงอนุญาตให้ถอนฟ้องคดี ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องใหม่กล่าวอ้างว่าได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ศาลนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ส่วนคดีแพ่งเป็นเรื่องที่นางประนอมและบุตรสาวคนรองยื่นฟ้องนางศิริพรและนายสุชาติ เป็นจำเลยต่อศาล จังหวัดตลิ่งชัน ในคดีหมายเลขดำ 558/2558 เรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโอนคืนทรัพย์ สินต่างๆ รวมมูลค่าความเสียหาย 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คดีดังกล่าวศาลเคยนัดให้คู่ความ 2 ฝ่าย เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลนัดพิจารณาคดี ระหว่างนั้นนางประนอม โจทก์ที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเช่นกัน ภายหลังมีการยื่นคำร้องว่าถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ศาลนัดไต่สวนคำร้องเช่นกันในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ทั้งสองศาลต้องไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจตามกล่าวอ้างหรือไม่
สำหรับความเคลื่อนไหวของนางประนอม แดงสุภา หลังเปิดแถลงข่าวเคลียร์ประเด็นการเข้าร้องทุกข์ต่อนายกฯ แล้วก็เกิดความเครียดจนล้มป่วยนั้น ตลอดทั้งวันที่ 28 มี.ค.นางประนอมยังคงเก็บตัวพักผ่อน ขณะที่ร้านพีเอส เรสเตอรอง อาหารไทยตำรับแม่ประนอมปิดเงียบ เนื่องจากเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของร้าน ซึ่งจะปิดร้านทุกวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใกล้ชิดนางประนอมคนหนึ่ง กล่าวถึงกรณีที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยข้อมูลว่า นายศิริชัย พร้อมด้วยนางประนอม และ น.ส.ศิริวัลย์ ถูกถอดชื่อจากการเป็นกรรมการบริหารบริษัทมาตั้งแต่ปี 2552 ว่า เรื่องนี้นางประนอมและ น.ส.ศิริวัลย์ รวมถึงคนเก่าแก่ในบริษัท เพิ่งรู้ความจริงในปี 2558 เนื่องจากที่ผ่านมา นายศิริชัย และนางประนอม รักและไว้ใจนางศิริพรมาก ให้ทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท และตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา นายศิริชัยในฐานะกรรมการบริษัทไม่เคยเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารสักครั้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นธุรกิจในครอบครัว และกรรมการบริหารก็มีแต่พ่อแม่ลูกเท่านั้น นอกจากนี้ สมุดผู้ถือหุ้นของบริษัท ก็อยู่ในความดูแลของกรรมการผู้จัดการบริษัท
“หลังจากนายศิริชัยเสียชีวิต ศาลมีคำสั่งให้นางประนอมเป็นผู้จัดการมรดก ในปี 2557 นางประนอมก็เริ่มให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของนายศิริชัยทั้งหมด เพื่อเตรียมแบ่งมรดกให้กับลูก ก็เริ่มพบว่า ทรัพย์สินกงสีหลายอย่าง โดยเฉพาะที่ดินกว่า 100 แปลง ที่นายศิริชัยซื้อไว้ ถูกโอนไปอยู่ในชื่อนางศิริพรทั้งหมด และเมื่อนางประนอมติดตามทวง ถามเรื่องทรัพย์สินจากนางศิริพร จึงได้ทราบว่ารายชื่อผู้ถือหุ้นถูกเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ปี 2552 เป็นเหตุให้นางประนอมต้องฟ้องเรียกทรัพย์สินมรดกและสิทธิในหุ้นคืนจากนางศิริพรต่อศาล” คนใกล้ชิดนางประนอมกล่าว
ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางบ้านเลขที่ 113/1-2 หมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตหนองแขม กทม. ที่ตั้งสำนักและโรงงานเก่าของบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด และเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างนางประนอมกับนางศิริพร บุตรสาว พบว่าถูกดัดแปลงเป็นหอพัก และที่จอดรถให้เช่ารายเดือนไปแล้ว ขณะที่บรรดาเพื่อนบ้านเก่าแก่ในหมู่บ้านเศรษฐกิจหลายคนต่างแสดงความเป็นห่วงและให้กำลังใจแก่นางประนอม เช่น นายสนิท หมื่นสายญาติ วัย 77 ปี ที่กล่าวว่ารู้จักนางประนอมมาตั้งแต่ปี 2519 นางประนอมเป็นคนดีและมีน้ำใจ ไม่เพียงจะดูแลลูกน้องลูกจ้างในโรงงานเป็นอย่างดี ยังช่วยเหลือคนในหมู่บ้านที่ประสบความเดือดร้อนเป็นประจำ รวมทั้งยังช่วยเหลือพัฒนาชุมชน พัฒนาหมู่บ้านตลอด ดังนั้นตนไม่เชื่อว่า นางประนอมจะคิดทอดทิ้งคนงานในบริษัท ด้วยการขายกิจการทิ้งตามที่มีการพูดกัน เพราะโรงงานนี้ นางประนอมทุ่มเทแรงกายไปเยอะมาก
ขณะที่ทางด้านนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโตของนางประนอม ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อขอสัมภาษณ์ นางศิริพรบอกเพียงสั้นๆว่า ให้คุยกับทนายของตนเท่านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อติดต่อกับนายทวิชา หวังโภคา ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนางศิริพรผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อขอสัมภาษณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้น นายทวิชากล่าวเพียงสั้นๆว่า จะไม่ขอให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆทั้งสิ้น เพื่อรอการไต่สวนของศาลจังหวัดนครปฐม เรื่องปลอมแปลงเอกสาร และศาลตลิ่งชัน เรื่องเกี่ยวกับมรดก
อย่างไรก็ดี ตลอดวันในโลกออนไลน์ก็ เริ่มมีแชร์ข้อความแสดงความคิดเห็นอีกด้านหนึ่ง อาทิ จากเฟซบุ๊กหนึ่งอ้างเป็นพนักงานในบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอมฯ โพสต์ทั้งข้อความและภาพในลักษณะให้กำลังใจนางศิริพร ที่ตกเป็นจำเลยสังคมในขณะนี้ พร้อมทั้งยังระบุด้วยว่าวอนให้สังคมหยุดประณามและโจมตีเจ้านาย และท้าให้รอดูว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรในอีกไม่ช้า นอกจากนี้ ยังมีการโพสต์ภาพตนเองและพนักงานกลุ่มใหญ่ยืนถือดอกกุหลาบแดงที่หน้าบริษัท เหมือนเป็นการให้กำลังใจด้วย ขณะที่ก็มีคนใช้อินเตอร์เน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งบวกและลบเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 16.30 น. ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่อาสาเป็นกาวใจให้นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม กับบุตรสาว ว่าได้รับรายงานเรื่องที่นางประนอมยื่นเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชนขอความเป็นธรรมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.แล้ว ทางศูนย์บริการประชาชนมีความยินดีหากจะช่วยพูดคุย แต่เรื่องสำคัญคือเป็นเรื่องระหว่างสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน จึงต้องการให้เป็นเรื่องของคุณแม่ประนอมกับบุตรสาวของท่าน ให้ได้ตกลงกันในชั้นต้น แล้วมาพูดคุยกันที่ศูนย์บริการประชาชน เป็นความยินดีหากจะเกิดภาพดังกล่าวขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งสองคนจะต้องมาด้วยความสมัครใจ ขณะนี้ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานอยู่ หากมีความคืบหน้าจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
ที่มา www.thairath.co.th
ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.rdpb.go.th/enough2/web/ProductView.aspx?pid=232
ข้อคิดสะกิดใจ
เศรษฐีดังน้ำพริกเผา ร้องคณะกรรมการตุลาการ ผู้ตรวจสอบการตัดสินคดีในขบวนการยุติธรรมของผู้พิพากษา ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าจะไปร้องเรียนที่ไหน ขอความเป็นธรรมกับใคร จากกรณีดังกล่าว นับว่าคดีนี้ คนทั่วประเทศทราบว่าร้องเรียนผู้พิพากษาได้ ในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฉะนั้น ที่คนส่วนมากพูดกันว่าขบวนการศาลตรวจสอบไม่ได้ไม่เป็นความจริง และยังสามารถร้องขอความเป็นธรรมต่อองคมนตรีได้อีกด้วย
( เป็นการเทิดทูนบูชา สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ )