นายก สั่งทุกหน่วย รับมือพิษพายุฝน ถล่มหนักทุกภาค
วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เรียบเรียงโดยทีมงาน www.legendnews.net
“นายก” ห่วงพายุ-ฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่ สั่งหน่วยงานเร่งให้การช่วยเหลือประชาชน แนะกักตุนน้ำไว้ใช้ในช่วงฝนเริ่มตก ลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำ ด้าน “อุตุ” เตือนทุกภาค “ระวังอันตราย” ฝนฟ้าคะนองเพิ่มลากยาวถึงตกหนักมาก อ่าวไทย-อันดามัน งดเดินเรือ รับมือพายุ
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.59 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แม้ในขณะนี้ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตก ประกอบกับหน่วยฝนหลวงได้เร่งออกปฏิบัติการทำฝนเทียมเมื่อสภาพอากาศอำนวย แต่โดยรวมยังไม่ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อน หรืออ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นในระดับที่วางใจได้ หรือสามารถปล่อยน้ำให้ประชาชนใช้เพื่ออุปโภคบริโภค หรือทำการเกษตรได้อย่างไม่จำกัด เพราะที่ผ่านมา เราต้องพบกับสภาพแห้งแล้งมายาวนาน ล่าสุดมีปริมาณน้ำใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมกันเพียงร้อยละ 17-18 เท่านั้น
“รัฐบาลจึงอยากให้ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรอย่าชะล่าใจ ใช้โอกาสที่ฝนตกลงมาในช่วงนี้ เก็บน้ำไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เพราะไม่อาจคาดการณ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยการขุดบ่อหรือเตรียมพื้นที่รองรับน้ำให้เพียงพอกับที่ดินของตนเอง รวมทั้งวางแผนการเพาะปลูกให้ดี บางพื้นที่เร่งทำนาในช่วงต้นฤดูฝนอาจเสี่ยงต่อการเกิดฝนทิ้งช่วง ต้นข้าวจะได้รับความเสียหาย ซึ่งภาวะฝนทิ้งช่วงมักเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมของทุกปี ดังนั้นจึงไม่ควรผลีผลามใช้น้ำมาก แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็นและกักตุนไว้ หรือปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ทำรายได้ดีไปอีกสักระยะ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับถึงประเทศไทย หลังเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะหลายจังหวัดที่ต้องประสบกับพายุไซโคลนและฝนตกหนัก ทำให้บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหาย จึงขอให้ประชาชนเฝ้าติดตามข่าวสารจากทางการ และระมัดระวังอันตรายจากพายุ พร้อมกำชับหน่วยราชการ ทหาร ฝ่ายปกครอง ให้ดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด
“นายกรัฐมนตรียังฝากเตือนด้วยว่าทุกคนยังต้องใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เพราะแม้ฝนจะตกลงมาแล้ว แต่เรื่องของธรรมชาติไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ จึงต้องรู้จักเตรียมการอย่างเหมาะสม ขณะที่รัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการขุด ลอก คูคลองหนองบึงที่ตื้นเขิน เพื่อเพิ่มปริมาตรแหล่งเก็บกักน้ำทั่วประเทศ และช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ เพื่อติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้ง และมอบหนังสืออนุญาตให้ราษฎรทำกินในที่ดินของรัฐ ที่ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้.นี้ด้วย” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศ 7 วันข้างหน้าว่า ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค. ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน คลื่นจะมีกำลังแรงขึ้น บริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 22-28 พ.ค. ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
ส่วนสถานการณ์พายุฝนในหลายพื้นที่นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เร่งตัดต้นยางยักษ์ ขนาด 3 คนโอบ อายุกว่า 100 ปี ที่ถูกพายุลมแรงพัดจนหักโค่นทั้งต้น ทับอาคารพาณิชย์ เลขที่ 26/18 บ้านหนองผึ้ง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จนพังเสียหาย ขณะที่เจ้าของบ้านรอดตายหวุดหวิด แต่ต้องย้ายไปอาศัยที่อื่นชั่วคราว คาดว่าต้องใช้เวลาตัดและเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2 วัน ในระหว่างนี้ต้องปิดถนนเป็นระยะ ขณะที่ในพื้นที่ ต.หนองผึ้ง มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากพายุอีกกว่า 500 หลังคาเรือน
ส่วนที่ จ.ตรัง ได้เกิดฝนตกหนัก ได้เกิดลมกรรโชคแรงพัดต้นสนขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณหน้าร้านค้าริมหาดปากเมง ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง ล้มโค่นลงมาทับสายไฟฟ้า ทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นลงมาลงมาด้วย 1 ต้น และลงมาขวางถนน และยังทับบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายอีก 1 หลัง รถยนต์ของนักท่องเที่ยวชาวภูเก็ตและครอบครัว และเพื่อนชาวต่างชาติและรถของคนไทยเสียหายอีกจำนวน 3 คัน เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งเคลียพื้นที่ เพื่อเปิดเส้นทางการจราจร ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ทำให้กระแสไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้าน ประชาชนและร้านค้าร้านอาหารตลอดแนวชาดหาดปากเมง ประมาณ 300 หลังคาเรือน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลไม้ฝาด ได้แจ้งประสานขอเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดตรัง ให้เร่งเข้าไปดำเนินการให้แล้วเสร็จ เนื่องจากเกรงว่าจะมีเกิดฝนตกหนักและลมพายุขึ้นมาอีก
ทางด้าน จ.ระนอง ได้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงช่วงเวลา 02.30 น. (22 พ.ค.) ทำให้กระแสไฟฟ้าดับนานกว่า 1 ชั่วโมง เบื้องต้นมีรายงานต้นไม้หักโค่นหลายต้นภายในวิทยาลัยเทคนิคระนอง หมู่ 3 ต.บางนอน อ.เมือง และหลังคาแผ่นเมทัลชีทด้านบนของอาคารเรียนสูง 4 ชั้น ถูกกระแสลมพัดปลิวว่อนลงมากองด้านล่าง บางส่วนปลิวไปไกลกว่า 300 เมตร และตกอยู่ตามถนนสายระนอง-ชุมพร มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ ซึ่งตั้งจุดบริการอยู่ใกล้เคียง ให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลระนองแล้ว
ขณะที่สภาพอากาศใน จ.พังงา เกิดพายุฝนโหมกระหน่ำตลอดช่วงเช้า (22 พ.ค.) และมีน้ำท่วมขังถนนเป็นช่วง แต่ไม่กระทบต่อการสัญจร ขณะที่ถนนพังงา-ภูเก็ต ต้นไม้หักโค่นและเสาไฟฟ้าล้ม ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ทั้งในพื้นที่บ้านท่าฉัตรไชย หมู่ 5 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และบ้านท่านุ่น ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว แจ้งประสานให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเร่งตรวจสอบ ซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหายแล้ว คาดว่าจะสามารถซ่อมแซมให้ใช้งานได้เป็นปกติในช่วงค่ำ
สำหรับสถานการณ์ไฟป่าพรุที่ จ.นราธิวาส นั้น นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าฯ นราธิวาส เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. จัดชุดเฝ้าระวังสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงปาดี และ อ.บาเจาะ พร้อมทั้งลาดตระเวนตรวจตราเพื่อป้องกันการกระทำผิดในพื้นที่ ส่วนอำเภอยี่งอ และอำเภอตากใบ สามารถควบคุมจำกัดพื้นที่ได้แล้ว แต่ยังคงจัดชุดเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟที่อยู่ใต้ดิน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา มีฝนฟ้าคะนองประมาณร้อยละ 30-40 โดยเฉพาะพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และ อ.สุไหงโก-ลก มีฝนตกปานกลาง สร้างความชุ่มชื้นทำให้สถานการณ์ไฟไหม้เบาบางลงและสามารถยุติสถานการณ์ได้ ในส่วนของความเสียหายเบื้องต้น ไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง 990 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติ 715 ไร่ รวม 1,705 ไร่ ป่าอนุรักษ์ 20% ของนิคมสหกรณ์บาเจาะ 120 ไร่ และพื้นที่ป่าเอกชน 2,049 ไร่ รวมความเสียหายใน 6 อำเภอ 3,874 ไร่
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวด้วยว่า มาตรการที่จะดำเนินการต่อไป ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่เสียหาย ได้สั่งการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนราธิวาส ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง รวมถึงให้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอประสานสถานีตำรวจภูธรเร่งรัดสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด สำหรับพื้นที่ความเสียหายของเอกชน อาทิ สวนยางพารา ให้คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ หรือ ก.ช.ภ.อ. ให้ความช่วยเหลือ และในขณะนี้ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงสงขลา ได้ขอปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงจากการช่วยเหลือพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง เป็นการช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นการทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง
ที่มา www.banmuang.co.th/news/politic/49615