ปีนี้ กองทัพมีความต้องการชายไทยเข้าเป็นทหารกองประจำการจำนวนทั้งสิ้น 103,097 นาย กองทัพบก 76,953 นาย กองทัพเรือ 16,000 นาย กองทัพอากาศ 8,420 นาย กองบัญชาการทหารสูงสุด 1,173 นาย และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 551 นาย
กำหนดตรวจเลือกทหารพร้อมกันในพื้นที่ 77 จังหวัด 928 อำเภอ ระหว่างวันที่ 1-12 เมษายน ยกเว้นวันที่ 6 เมษายน ผู้ที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือก ได้แก่ ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2539 อายุ 21 ปีบริบูรณ์ กับผู้ที่เกิด พ.ศ. 2531-2538 อายุ 22-29 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือก
ผลัดแรกเข้ากองประจำการวันที่ 1 พฤษภาคม ส่วนผลัดที่ 2 เข้ากองประจำการวันที่ 1 พฤศจิกายน
ผู้ที่หลีกเลี่ยง หลบหนี มีความผิดตามกฎหมาย
ที่ผ่านมา มีผู้ที่หลีกเลี่ยงจำนวนมิใช่น้อย ขณะเดียวกัน ก็มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหารกองประจำการจำนวนมากเช่นกัน บางหน่วยตรวจเลือกถึงขนาดไม่ต้องจับใบดำใบแดงก็มี
อย่างไรก็ตาม มีข้อถกเถียงอยู่เสมอว่าการเกณฑ์ชายไทยเข้าไปเป็นทหารมีความจำเป็นอยู่หรือไม่ เพราะบางส่วนก็ได้รับการฝึกหลักสูตรรักษาดินแดนแล้ว อีกทั้งในแต่ละปีมีแรงงานสำคัญของประเทศเข้าไปเป็นทหารจำนวนมาก อีกทั้งการศึกสงครามก็น่าไม่เกิดขึ้นแล้ว
แต่กองทัพก็ยังยืนยันว่ามีความจำเป็น เพราะภารกิจทางด้านความมั่นคง และการป้องกันประเทศยังมีอยู่ เป็นการดีเสียอีกที่ชายไทยเหล่านี้ จะได้รับการฝึกระเบียบวินัย และปลูกฝังให้มีอุดมการณ์ชาติ
น่าที่ทุกฝ่ายจะได้แสดงเหตุผลเพื่อหาข้อสรุปต่อไป
สําหรับผู้ที่จับได้ใบแดงและเข้าไปเป็นทหารกองประจำการนั้น ในช่วงแรกทุกคนจะต้องรับการฝึกร่างกาย วิชาการทางด้านทหาร และยุทธวิธี จากหน่วยฝึกทหารใหม่รวม 10 สัปดาห์
ระยะในเวลาช่วงนี้เอง ที่มักจะมีปัญหาออกมาบ่อยๆ เช่น การฝึกที่อาจเกิดความผิดพลาด การทำร้ายร่างกายทหารใหม่จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และบางครั้งถึงขั้นมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นก็มี ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อกองทัพ
เพราะทุกชีวิตล้วนมีค่า ทั้งเชื่อว่าคนส่วนใหญ่พร้อมจะเสียสละเพื่อประเทศชาติ
การสูญเสียควรต้องคุ้มค่า มากกว่าสังเวยการใช้อำนาจอย่างไม่สมควร